วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556


ลักษณะการทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ต

Business to business : B2B  



      B2B  คือ การที่ผู้บริโภคจับจ่ายสินค้ากับบริการของเรา สำหรับนำไปผลิตต่อเพื่อเพิ่มคุณภาพให้เป็นผลิตภัณฑ์และบริการ  โดยที่ไม่นำไปบริโภคหรืออุปโภคเอง                                                      
ตัวอย่างเว็บไซค์ที่มีรูปแบบธุรกิจแบบ B2B http://www.tesco.co.th/th/index.html และ
http://www.value.co.th/th/main.asp



Business-to-business : B2B



          B2B  คือการ ค้าจากธุรกิจสู่ผู้บริโภค เช่น การเปิด Virtual Mall หรือ การค้า บนอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า E Commerce เช่น Amazon.com,Priceline.com,Naspter,Etoy,EOtoday, Magazine Online 
ตัวอย่างเว็บไซค์ที่มีรูปแบบธุรกิจแบบB2C http://www.abcjewelry.com/
http://www.pizza.co.th/


Consumer-to-Consumer : C2C







            C2C คือ ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ตัวอย่างอาจเป็นการขายของผ่านระบบ ebay การติดต่อขายของมือสองระหว่างผู้ใช้ด้วยกัน ฯลฯ
ตัวอย่างเว็บไซค์ที่มีรูปแบบธุรกิจแบบ C2C http://www.ebay.com/



Business to goverhment : B 2 G





          B2G ก็คือการทำธุรกิจร่วมกันระหว่างภาคเอกชนกับรัฐบาล เพื่อเป็นกลไกให้ รัฐบาลสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจกับภาคประชาชน หรือ G2C ได้อย่างคล่องตัว .....เช่นรัฐบาลคิดโปรเจคทำการตลาดด้วยการสร้างกระแสฮือฮาบ่มเพาะดีมานด์จนพุ่งกระฉูด จากนั้นก็ดึงธุรกิจเอกชนเข้ามารับงานจากรัฐบาล

ตัวอย่างเว็บไซค์ที่มีรูปแบบธุรกิจแบบ   B2G   http://www.tradesiam.com/ 




Government to Government : G 2 G




            G 2 G คือ การค้าระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล 
ตัวอย่างเว็บไซค์ที่มีรูปแบบธุรกิจแบบ   B2G  www.gprocurement.go.th และ www.rd.go.th  



Government to Consumer : G 2 C




 G 2 C คือ รัฐบาลกับผู้บริโภคกรมสรรพกร ให้บริการทุกด้านเกี่ยวกับภาษี
 -ยื่นภาษีออนไลน์
 -ข้อมูลเกี่ยวกับกรมสรรพกร 

ตัวอย่างเว็บไซค์ที่มีรูปแบบธุรกิจแบบ www.rd.go.th


Mobile to mobile :  M-to-M





M 2 M คือ มือถือไปบรรจบมือถือ (MMC) เป็นคำอธิบายถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการคำนวณที่ทันสมัยและโทรศัพท์ ระยะเป็นหน่อของการลู่มือถือคงที่ (FMC) และใช้โหมด(โทรศัพท์มือถือและเครือข่าย WiFi) โทรศัพท์กับลูกค้าซอฟต์แวร์พิเศษและแอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ในการเชื่อมต่อเสียงและสายงานธุรกิจผ่านทาง VoWLAN และ / หรือผ่านบริการโทรศัพท์มือถือ


วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บริการต่าง ๆ ของอินเตอร์เน็ต

1. World Wide Web (WWW) (เวิลด์ไวด์เว็บ )
2. Electronic Mail (E-Mail) (จดหมายอิเล็กทรอนิกส์)
3. Search Engine  (บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต)
4. Instant Message (บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต )
5. Telnet (ควบคุมระยะไกล)
6. FTP (File Transfer Protocol)  (บริการโอนย้ายไฟล์ )
7. Web board (บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด )

1. World Wide Web (WWW) เครือข่ายใยแมงมุม
          เป็นการเข้าสู่ระบบข้อมูลอย่างข้อมูลในรูปของ Interactive Multimedia คือ มีทั้งรูปภาพ ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดีโอ อีกทั้งข้อมูลเหล่านี้ยังใช้ระบบที่เรียกว่า hypertext กล่าวคือ จะมีคำสำคัญหรือรูปภาพในข้อมูลนั้นที่จะช่วยให้ท่าน เข้าสู่รายละเอียดที่ลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้น คำสำคัญดังกล่าวจะเป็นคำที่เป็นตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ เพียง แต่ท่านเลือกกด ที่คำ ที่เป็นตัวหนาหรือขีดเส้นใต้ นั้น ๆ ท่านก็สามารถเข้าสู่ข้อมูลเพิ่มเติมได้ (ข้อมูลเหล่านี้จะมีผู้สร้างขึ้นมาและเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ ทั่วโลก)





2. ไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail)
    เป็นบริการหนึ่งบนอินเทอร์เนตที่คนนิยมใช้กันมากคือส่งจดหมายโดยทางคอมพิวเตอร์ถึงผู้ที่มีบัญชีอินเตอร์เน็ต ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลคนละซีกโลกจดหมายก็จะไปถึงอย่างสะดวกรวดเร็วและง่ายดายโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่
Hotmail  , YahooMail , ThaiMail และยังมี Mail ต่าง ๆ ที่ให้บริการอย่างมากมายในปัจจุบัน ตามหน่วยงานหรือ องค์กรต่าง ๆ





3. Search Engine  (บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต)
          Search Engine เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือในการที่จะค้นหาเว็บไซต์ต่าง ๆ มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ     ตัวเองโดยอัตโนมัติ เช่น Google.com หรือ Altavista.com ซึ่งเครื่องมือนี้ มีชื่อเรียกว่า Search Robot     จะทำหน้าที่คอยวิ่งเข้าไปอ่านข้อความจากหน้าเว็บไซต์ ของเว็บต่าง ๆ แล้วนำมาจัดลำดับคำค้นหา (Index)     ที่มีในเว็บไซต์เหล่านั้น เก็บไว้ในฐานข้อมูลของตนเอง เมื่อเราเข้าไปใช้บริการ
กับ Search Engine 



4. Instant Message (บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต ) 
           Instant Messaging ก็คือการสนทนาทางโทรศัพท์อย่างหนึ่งแต่เป็นในรูปของตัวอักษร     พนักงานในบริษัททั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างใช้ IM เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร สำหรับคนอีกจำนวนมาก  IM  คือการสื่อสารสำรองเมื่ออีเมล์มีปัญหาหรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ 
  



5.Telnet 
        เป็นบริการที่ช่วยให้เราสามารถเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อื่นเสมือนหนึ่งไปนั่งใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของที่นั่น โปรแกรมที่ช่วยให้ท่านใช้บริการนี้ได้คือ โปรแกรม NCSA Telnet เมื่อเปิดโปรแกรมแล้วให้พิมพ์คำสั่ง Telnet ดังในรูปภาพข้างล่างเมื่อท่านใช้คำสั่ง Telnet แล้วให้พิมพ์ที่อยู๋ของแหล่งข้อมูลนั้น ท่านก็จะสามารถเข้าสู่ระบบข้อมูลนั้น ๆ ได้เสมือนท่านไปนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเครื่อง ๆ นั้นเลยทีเดียว ระบบ Telnet




6. FTP (File Transfer Protocol) 
         คือ บริการที่ใช้ในการโอนย้าย file หรือข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังอีกคอมพิวเตอร์หนึ่ง สามารถโอนย้ายข้อมูล เช่น รูปภาพ , ข้อความ , บทความ , คู่มือ และโปรแกรมต่าง ๆ



7. Web board (บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด )
           WebBoard คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในลักษณะเป็น กระดานสนทนา เป็นกระดานแจ้งข่าวสาร ข้อมูล     และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน


ความหมายของคอมพิวเตอร์ 
      หมายถึงเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูง อย่างต่อเนื่อง และอัตโนมัติ
 
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำจำกัดความของคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างกะทัดรัดว่า
เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
การจำแนกคอมพิวเตอร์ตามลักษณะวิธีการทำงานภายในเครื่องคอมพิวเตอร์





คอมพิวเตอร์นั้นมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมาก ตั้งแต่ยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา มนุษย์เรามีความพยายามที่จะคิดค้นเครื่องมือให้มาช่วยในการคำนวณและการนับ ตั้งแต่เริ่มต้นใช้นิ้วมือนับ จนมาใช้ก้อนกรวด หิน มนุษย์จึงคิดค้นวิธีการที่ง่ายกว่านี้ จนกลายมาเป็นกลไกที่ใช้ในการคำนวณ จนวิวัฒนาการมาเป็นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 5 ยุค ดังนี้

  เครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุค  

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 ( พ.ศ. 2497-2501) 
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสูญญากาศ (Vacuum tube) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยังมีขนาดใหญ่มาก ใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้เครื่องมีความร้อนสูงจึงมักเกิดข้อผิดพลาดง่าย คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่ UNIVAC I , IBM 600 




คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 ( พ.ศ. 2502-2507) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กกว่ายุคแรก ต้นทุนต่ำกว่า ใช้กระแสไฟฟ้าและมีความแม่นยำมากกว่า 




คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 ( พ.ศ. 2508-2513) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นสารกึ่งตัวนำที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะไว้แล้วพิมพ์บนแผ่นซิลิกอน(Silicon) เรียกว่า "ชิป" 



คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 ( พ.ศ. 2514-2523) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร LSI (Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการรวมวงจรไอซีจำนวนมากลงในแผ่นซิลิกอนชิป 1 แผ่น สามารถบรรจุได้มากกว่า 1 ล้านวงจร ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้เกิดแนวคิดในการบรรจุวงจรที่สำคัญสำหรับการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์นั่นคือ CPU ลงชิปตัวเดียว เรียกว่า "ไมโครโปรเชสเซอร์" 



คอมพิวเตอร์ยคุที่ 5 ( พ.ศ. 2524- ปัจจุบัน) 
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร VLSI (Very Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการพัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น